วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

Unseen in Thailand


MY FAVOURITE STUFF


สวัสดีจ้า..............ทุกๆคน

ก็กลับกันมาอีกแล้วกับบทความเรื่องใหม่ๆ

ซึ่งเราเองก็ไม่ค่อย จะมีเวลามา Up-Date Blog

เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องอะไรนั้นเราก็ไม่รู้เหมือนกัน

ดูเหมือนว่าเราจะจัดสรรเวลาของเราไม่ค่อยดีเลยอ่ะ

แย่จัง ^।^ แต่ไหนไหนก็ไหนไหนแล้วเนอะ

ซึ่งการกลับมา ในครั้งนี้.....เราก็จะมาแนะนำ

เรื่องที่เราชื่นชอบมากที่สุดในชีวิตมาเล่าสู่กันฟัง

ล่ะกานนะจ๊ะ และนั่นก็คือ

การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น

Unseen in Thailand

ให้เพื่อนๆได้ติดตาตรึงใจกันตามสไตล์ของเรา

และเราก็หวังว่าเพื่อนๆคงจะชื่นชม

กับความงดงามของธรรมชาติและมนต์เสน่ห์

ในวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตนซึ่ง

สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียว เพราะที่นี่ คือ

Unseen in Thailand

...........สำหรับเรานะ..........

เราชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ

เพราะรู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขของเรา

ก็คือเวลาแห่งการไปเที่ยวนั่นเอง





ทุกคนพร้อมที่จะตะลุย

ท่องเที่ยวไทยกันยังจ๊ะ!!!!!!!!!!

ถ้าพร้อมแล้วเราไปกันเลย...........

โดยเราจะเริ่มจาก

"การท่องเที่ยวแนวผจญภัย"

กันก่อนเลยน๊า..............


สำหรับการท่องเที่ยวแนวนี้ก็ถือได้ว่า

เป็นแนวท่องเที่ยวสุดโปรดของหลายๆคนเลยก็ว่าได้

เพราะเราเองก็ชอบการท่องเที่ยวแนวผจญภัยมั๊กมาก^-^

เพราะมันดูแล้วท้าทายความสามารถดี

ให้ความระทึกใจทุกเวลา อิอิอิ.........

เรามาลองดูสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจกันดีกว่า...

ว่ามีที่ใดกันบ้าง...................

ที่แรกที่จะภูมิใจนำเสนอก็คือ.....

ทะเลหมอก........(ท้องฟ้าสวยเนอะ)

เราจะพาเพื่อนๆไป

ชมวิวทะเลหมอก

ที่ทับเบิก อุทยานภูหินร่องกล้า

จังหวัดเพชรบูรณ์

ซึ่งพูดได้คำเดียวว่าสวยมากๆ

และบรรยากาศก็โรแมนติกด้วย

ภูทับเบิก เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมากที่หนึ่ง

เพราะเป็นจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาว

และเป็นสถานที่ที่มีเครื่องวัดอุณหภูมิ

ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนอกจากนั้นยังเป็นเส้นทาง

เชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งประวัติศาสตร์

ที่สำคัญ คือ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ซึ่งครอบคลุมพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดเลย

เป็นงัยบ้างสำหรับที่แรกด้วยอ่ะป่าว????????

งั้นเราตะลุยกันต่อเลยดีกว่าเนอะ

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวแนวผจญภัยในที่ต่อไป

ที่เราภูมิใจนำเสนอเลยก็ว่าได้ก็คือ............

ถ้ำเลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง


อิอิ...^-^ ก็คงจะคุ้นๆกับชื่อจังหวัดช่ายม้า

ถูกต้อง!!!!แล้วจ้า

เป็นจังหวัดบ้านเกิดของเราเองแหละ

ซึ่งเราก็ภูมิใจนำเสนอสุดๆ

เพราะกิจกรรมที่สุดแสนจะท้าทายและน่าหวาดเสียว

ของที่นี่ก็คือ การพายเรือในถ้ำเลเขากอบ

ขอเล่าจากประสบการณ์โดยตรง

ของเราเลยล่ะกานนะ.........

ถ้ำเลเขากอบเป็นถ้ำขนาดใหญ่ภายใต้ภูเขาหินปูน

ภายในมีถ้ำแบ่งเป็นห้องๆ จำนวนมาก

เช่น ถ้ำรากไทร, ถ้ำคนธรรพ์, ถ้ำเจ้าสาว เป็นต้น

ซึ่งเส้นทางภายในถ้ำจะคดเคี้ยวและวกวนมาก

และจะมีน้ำขังเกือบตลอดปี เนื่องจาก

มีธารน้ำไหลผ่านและล้อมรอบ

แต่เดิมนั้นมีโคลนตมจำนวนมาก

ทำให้น้ำตื้นเขิน ต่อมาได้รับการปรับปรุง

จากทางราชการทำการขุดลอกสายน้ำ

และติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในถ้ำ

ทำให้สามารถล่องเรือไปตามสายน้ำ

ชื่นชมหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆ

บนเพดานและพื้นถ้ำได้

ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ตามธรรมชาติ

ที่มีความสวยงามมาก


สำหรับจุดClimaxของ

ถ้ำเลเขากอบ

ก็คือ "การลอดถ้ำลอด"

เพราะเราจะต้องนอนราบไปกับเรือเพื่อลอดถ้ำ

เปรียบเสมือนได้ลอดท้องมังกร

เนื่องจากขณะที่เรานอนราบอยู่กับเรือนั้น

หินงอกหินย้อยได้อยู่ในระยะที่ใกล้กับใบหน้า

ของเรามาก ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าหินงอกหินย้อย

เหล่านั้นจะต้องโดนใบหน้าของเราแน่ๆ

เพราะตอนที่เราล่องเรือจะมาถึงถ้ำลอดนั้น

คนพายเรือได้ถามเราว่าจะเข้าถ้ำลอดมั้ย?

มีใครเป็นโรคหัวใจอ่ะป่าว เราก็สงสัยว่า

มันน่าหวาดเสียวขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ

ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปแล้วต้องบอกเลยว่า

น่าหวาดเสียวมาก

เพราะนอกจากพวกเราที่จะต้องนอนราบอยู่กับเรือแล้ว

คนที่พายเรือก็จะต้องนอนราบด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเขาก็จะทำหน้าที่เหมือนกับ "Spiderman"

ที่คอยเกาะผนังถ้ำและปีนป่ายเพื่อให้เรือ

สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

สำหรับตัวเรานั้นเหรอ "หัวใจแทบวาย"

นอนหลับตาปี๊เกือบตลอดทาง

เพราะพอลืมตาขึ้นมาทีไร

ก็เห็นหินย้อยกำลังจะโดนจมูกและปาก

เราก็เลยนอนหลับตาเพราะกลัวว่ามันจะโดนจริงๆ

แต่ความจริงแล้วไม่มีใครได้รับอันตรายเลย

เพราะคนที่พายเรือเขาจะมีวิธีบังคับเรือ

โดยไม่ให้ผู้โดยสารได้รับอันตราย

ต้องขอบอกเลยว่าน่าหวาดเสียวจริงๆ

เราขอการันตีจ้า.....................

เอาล่ะได้เวลาที่จะต้องไปยังสถานีต่อไปแล้ว

Let's go!

สำหรับสถานที่ต่อไปที่เราจะไปตะลุยกันต่อก็คือ


แก่งทีลอเร อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก

ซึ่งในทริปครั้งนี้เราก็จะไปล่องแก่งกัน

ถือได้ว่าการล่องแก่งทีลอเรเป็นสีสันแห่งบ้านอุ้มผาง

ซึ่งจะเริ่มขึ้นอีในฤดูกาลน้ำหลาก

หมู่บ้านในหุบเขาที่อยู่ติดกับชายแดนพม่าแห่งนี้

เป็นที่ตั้งของผืนป่าตะวันตก ซึ่งมีเส้นทางการผจญภัย

ที่นับเป็นสุดยอดอีกแห่งในเมืองไทย คือ

การล่องเรือยางกลางลำน้ำแม่กลอง

แม่น้ำที่ถือกำเนิดในผืนป่าตะวันตก

การล่องในช่วงแรกสายน้ำจะราบเรียบคดโค้ง

ตามแนวเขาแนวป่าทึบที่อุดมสมบูรณ์

ผ่านบ้านกะเหรี่ยงโคทะ ก่อนที่จะพบกับแก่งเลเกติ

เป็นแก่งใหญ่และยาวหลายกิโลเมตร

ผ่านน้ำตกเล็ก จนถึงแก่งคนมอง

ที่มีสายน้ำหลากไหลเชี่ยวและมีโขดหินจำนวนมาก

แก่งสุดท้ายก็จะเป็นแก่งกะซิจิ๊เล

จากนั้นจะถึงเวิ้งน้ำไหลโค้งสู่เพิงผาริมน้ำ

มองเห็นน้ำตกทีลอเรไหลผ่าน

หน้าผาเขาหินปูนสูงลงสู่ผืนน้ำ

ขากลับจากน้ำตกไปบ้านปะละทะเราจะต้อง

เดินป่า ผ่านป่าทึบ สลับการขึ้นเขา

ซึ่งอาจจะพบเห็นสัตว์บ้าง

ควรนั่งช้างสลับกับการเดินเพื่อที่

จะได้สัมผัสถึงการผจญภัยอย่างแท้จริง


เอาล่ะ.......

เราก็ได้ท่องเที่ยวแนวผจญภัยมาพอสมควรแล้ว

ดังนั้นเราควรจะเปลี่ยนอารมณ์หันมาท่องเที่ยว

เชิงวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมกันบ้าง

ซึ่งการท่องเที่ยวแบบนี้จะทำให้เราได้ทราบถึง

วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องถิ่น

โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เป็นของตัวเอง



ดังนั้น จะมัวชักช้าเสียเวลากันอยู่ทำไมล่ะ

ไปตะลุยแดนวัฒนธรรมกันเลยดีกว่า

...........เรามาดูที่แรกกานเลยละกาน............

พระ-เณร ขี่ม้าบิณฑบาต

อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

เนื่องจากสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง

เป็นถิ่นกันดารอยู่ห่างไกล ชาวบ้านนิยมใช้

ม้าแกลบในการบรรทุกต่างสัมภาระสิ่งของต่างๆ

เจ้าอาวาสของสำนักซึ่งเคยเป็นทหารม้าเก่า

จึงให้พระและเณรของสำนักนี้ใช้ม้าเป็นพาหนะ

ในการออกบิณฑบาต ในวัดมีสวนธรรม

ซึ่งมีรูปปั้นแม่ไม้มวยไทยท่าทางต่างๆ ไว้เพื่อการศึกษา

บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุอินยอง

ในขณะที่ขี่ม้าบิณฑบาตตามหมู่บ้าน

พระและสามเณรก็จะปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทางการ

ในการสำรวจพื้นที่ และสอดส่องปราบปราม

ขบวนการค้ายาเสพติด และตรวจสอบความเคลื่อนไหว

บริเวณชายแดนจุดต่างๆ



.................หุหุหุ............ น่าสนใจเนอะ

เพราะนอกจากจะมีความแปลกแล้ว

ยังสามารถใช้ในเชิงกลยุทธ์ทางทหาร

เพื่อป้องกันประเทศได้อีกด้วย

เยี่ยม!!!!!!!!!!!

เห็นแล้วชักเริ่มอยากจะไปกันแล้วล่ะสิ?????


สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ประเพณี และวิถีชีวิตสถานที่ต่อไป

ที่จะแนะนำก็คือ...........


งานบวชนาคช้างเดือน 6 บ้านตากลาง

ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์




ชุมชนชาวกูยเลี้ยงช้าง และหมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง

ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี

ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นทั้งในด้านภาษาพูด

และความเป็นอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้าง

เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ยึดถือการเคารพช้าง

ว่าเท่ากับการเคารพศาลปะกำ

และการเคารพศาลปะกำก็เท่ากับเคารพบรรพบุรุษ

คนและช้างเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว

ที่มีความผูกพันธ์กันอย่างแนบสนิท

ตามฐานะอายุของช้างและคน

ถ้าช้างมีอายุมากก็เปรียบช้างเสมือน

พ่อ-แม่-ปู-ย่า-ตา-ยาย

ถ้าช้างมีอายุน้อยก็เปรียบช้างเสมือนลูก-หลาน

ตามธรรมเนียมชาวกูยเลี้ยงช้าง

จะไม่รับประทานเนื้อช้างโดยเด็ดขาด

เพราะช้างคือสัตว์คู่บ้านคู่เมือง คู่พระพุทธศาสนา

มีคุณค่าต่อชาวโลกด้านวัฒนธรรมประเพณี

มาทุกยุคทุกสมัย

ในปัจจุบันชาวกูยจะตั้งขบวนช้างแห่ไปยัง

'วังทะลุ'

และควาญช้างจะนำช้างลงอาบน้ำให้ร่างกายสะอาด

เพื่อเตรียมเข้าพิธีบวชช้าง ซึ่งจะทำก่อนบวชนาคที่วัด

พิธีบวชช้างจะกระทำที่ศาลปะกำ

สถานศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ

โดยมีหมอเฒ่าหรือปะกำหลวง

เป็นผู้ประกอบพิธีบวชให้ช้าง

จากนั้นขบวนช้างและชาวกูยจะแห่นาคไปยังพัทธสีมา

เพื่อบรรพชาอุปสมบทนาค

ให้เป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาต่อไป



โห!!! ดูแล้วน่าจะเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียวเนอะ

......อยากไปดูจังอ่ะ...........

อิอิ.....ม้าก็ขี่แล้ว ช้างก็นั่งแล้ว

แล้วต่อไปเราจะนั่งอะไรกันดีล่ะ????

อ๋อ........คิดออกแล้ว.............

นั่งเรือดีกว่า

จะได้สัมผัสถึงบรรยากาศทุกรูปแบบนะ

ไปกานนนนนนนนนนเลย........ฮู้ฮู้ฮู้

ประเพณีการแข่งเรือขึ้นโขนชิงธง

อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร

งานแห่พระแข่งเรือของจังหวัดชุมพร

แต่ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่นๆ

คือ การแข่งขันเรือที่อำเภอหลังสวน

ซึ่งไม่ถือเอาเส้นชัยเป็นเกณฑ์การตัดสิน

แต่ตัดสินกันที่ธง

นายหัวเรือลำใดสามารถคว้าธงที่ทุ่นเส้นชัยได้ก่อน

ลำนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ ดังนั้น นอกจากจะต้องอาศัย

ความพร้อมเพรียงของฝีพายแล้ว ยังขึ้นอยู่กับความ

สามารถของนายท้ายเรือและนายหัวเรืออีกด้วย

งานประเพณีแห่พระแข่งเรือ

เป็นประเพณีเก่าแก่ของอำเภอหลังสวน

จะจัดขึ้นในวัน

แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี

โดยจะจัดให้มีการตักบาตร ทำบุญทอดกฐิน

ที่วัดด่านประชากร จากนั้นก็จะมีการแข่งเรือ

มีการร้องเพลงเรืออย่างสนุกสนาน

ส่วนเรือแข่งขันจะจับคู่แข่งกัน

ผู้ชนะก็จะได้ผ้าสีไปคล้องหัวเรือเป็นรางวัล

ลำไหนได้ผ้าสีมากก็เป็นลำที่ชนะ

เมื่อเลิกพายแล้วก็จะนำผ้าแถบเหล่านั้น

ไปเย็บติดเป็นผ้าม่านถวายวัดต่อไป

แหม!!!!!!!!!!

นอกจากจะสนุกกับฝีพายแล้ว ยังได้ทำบุญอีกด้วยเนอะ

ดีจังเลยอ่ะ

เป็นยังงัยกันบ้างค่ะเพื่อนๆ เหนื่อยกันรึยัง??

พร้อมที่จะเดินทางตะลุย

ชมความงามของธรรมชาติ

กับเรายังอ่ะ

สวยมากๆเลยน๊า.........

ขอบอกไว้ก่อน.......



สำหรับแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์

และธรรมชาติก็มีดังต่อไปนี้จ้า

เขาตาม่องล่าย อำเภอเมืองฯ

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


เขาตาม่องล่ายอยู่ด้านเหนือของอ่าวประจวบ

ตามตำนานชาวบ้านกล่าวว่า

มีสามีภรรยาคู่หนึ่งคือ ตาม่องล่ายกับยายรำพึง

มีลูกสาวชื่อยมโดย ฝ่ายแม่ยกลูกสาวให้กับเจ้าลาย

ชาวเมืองเพชร ส่วนตาม่องล่ายกลับยกนางยมโดย

ให้กับพระเจ้ากรุงจีน

ขบวนขันหมากของทั้งสองฝ่ายมาถึงพร้อมกัน

ตาม่องล่ายกับยายรำพึงจึงทะเลาะกัน

ตาม่องลายโกรธจัดจับลูกสาวฉีกเป็นสองส่วน

ขว้างลงทะเลกลายเป็นเกาะนมสาว

ข้าวของขันหมากที่ทั้งสองขว้างใส่กัน

ตกลงทะเลกลายเป็นเกาะต่างๆ

เช่น เขาล้อมหมวก แหลมงอบ เกาะสาก

ยายรำพึงเสียใจจนตายกลายเป็นเขาแม่รำพึง

ส่วนตาม่องล่ายคว้าไหเหล้ามานั่งดื่มจนตาย

กลายเป็นเขาตาม่องล่ายจนทุกวันนี้


ไม่รู้ว่าตำนานนี้จริงรึป่าวเนอะ???

แต่ชาวบ้านเชื่อกันมาแบบนี้จริงๆอ่ะ.......^-^.............


หุบป่าตาด อำเภอลานสัก

จังหวัดอุทัยธานี

ถ้ำหุบป่าตาด อยู่ในอ.ลานสัก จ.อุทัยธานี

ถูกค้นพบโดยพระภิกษุรูปหนึ่ง

ได้ปีนลงไปในหุบเขานี้

แล้วพบว่าภายในหุบแห่งนี้มีต้นตาดหรือต๋าว

พืชตระกูลปาล์มขึ้นอยู่เต็มไปหมด

จึงได้เจาะถ้ำเพื่อทำทางยาวเข้าไปในหุบนี้

ต่อมากรมป่าไม้ได้ประกาศให้พื้นที่หุบป่าตาด

รวมอยู่กับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปลาร้า


น่าแปลกเนอะที่มีต้นตาดอยู่ภายในถ้ำอ่ะ


เอาล่ะก็ได้ไปเที่ยวภาคอื่นกันมาเยอะแระ^-^

เราก็ขอต้อนรับเพื่อนๆสู่........

ดินแดนบ้านเกิดของเราบ้างล่ะกาน

นั่นก็คือ

ล่องใต้เด้อ.............

ถือได้ว่าเป็นเสน่ห์มนต์ขลังเลยก็ว่าได้

(แอบลำเอียงนิดหน่อย....หุหุ....)


ทะเลใน หมู่เกาะอ่างทอง

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

อยู่ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศตะวันตก

ประกอบด้วย

เกาะต่างๆที่เป็นเขาหินปูน

ซึ่งมีความแตกต่างแปลกตากันออกไป

นอกจากนั้นยังพบแหล่งน้ำจืด

ที่มีน้ำตลอดปีอยู่หลายแห่ง

และที่บริเวณช่องอ่างทองก็เป็น

แหล่งปลาทูวางไข่มากที่สุดในประเทศไทย

บนเกาะวัวหลับซึ่งเป็นเกาะใหญ่

จะมีจุดชมวิวบนยอกเขา ซึ่งมองออกไปได้รอบทิศทาง

ความแปลกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง

ที่น่าสนใจมากของอุทยานฯ คือ

ทะเลสาบน้ำเค็ม หรือทะเลใน

สันนิษฐานว่าเกิดจากการยุบตัวของหินปูน

ทำให้เกิดบ่อลึก มีหน้าผาล้อมรอบ

มีอุโมงค์ใต้น้ำเชื่อมสู่ทะเลเปิดด้านนอก

เป็นทางผ่านของสายน้ำและฝูงปลา

และทำให้มีน้ำขึ้น-น้ำลงเช่นทะเลทั่วไป

ทะเลในกลางเกาะและแม่เกาะมีความงดงาม

คล้ายเป็นสระมรกตเลยทีเดียว

อุทยานนกน้ำคูขุด

อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา


เวิ้งน้ำกว้างใหญ่ของทะเลสาบสงขลา

มิเพียงทรงคุณค่าต่อผู้คน

ที่อยู่รอบข้างทะเลสาบเท่านั้น

แต่ยังเป็นบ้านของบรรดานกน้ำนับหมื่นนับแสนชีวิต

ซึ่งมีทั้งที่อยู่ประจำถิ่นและ

ซึ่งอพยพหนีหนาวมาจากตอนในของทวีป

ส่วนใหญ่ของนกอพยพเหล่านี้

จะอาศัยอยู่ในบริเวณอุทยานนกน้ำคูขุด

อันเป็นอุทยานนกน้ำซึ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย

และอากาศดีตลอดทั้งปี


เราสามารถเลือกชื่นชมธรรมชาติ

พร้อมกับการทำกิจกรรมในเขตอุทยานฯ

ไม่ว่าจะเป็นการชมทัศนียภาพโดยทั่วไป

เดินชมธรรมชาติตามทางเดินเท้าและจากหอดูนก

หรือการล่องเรือชมนกน้ำชนิดต่างๆ

โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคม - เมษายน

มีนกน้ำจำนวนนับแสนตัวให้ชม หรือ

การล่องเรือชมเกาะต่างๆในทะเลสาบ

ซึ่งพูดได้คำเดียวว่า

สวยมาก



อุทยานแห่งชาติทะเลบัน

อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล


บึงขนาดใหญ่แวดล้อมด้วยป่าดิบและภูเขาหินปูน

ซึ่งมีสายหมอกอ่อนๆห่มคลุมทุกเช้า

สร้างบรรยากาศที่อาจดูน่ากลัว

ยิ่งยามค่ำคืนทั่วทั้งดงดิบรอบหนองน้ำ

จะระงมด้วยเสียง "ว้าก ว้าก ว้าก ว้าก"

ของจงโคร่งหรือเขียดว้าก

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอันเป็นสัญลักษณ์ของผืนป่านี้

หากจริงแล้ว 'ทะเลบัน' ผืนป่าดิบที่ชื่อคือทะเล

กลับเป็นดินแดนดงดิบอันน่าทึ่งที่สุด

แห่งหนึ่งของภาคใต้

มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอย่างสวยงาม

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอุทยานฯ

ได้แก่ ถ้ำโตนดิน ถ้ำลอดปูยู ทุ่งหญ้าวังประ

น้ำตกยาโรย บึงทะเลบัน เป็นต้น

สวยช่ายม้า????????เพื่อนๆ.........

ไปกาน ไปกาน ไปเที่ยวกันนะ...........

ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลบางตอน

จาก

www.unseentourthailand.com

www.toursabuy.com/unseenhome

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

ลืมบอกไปว่าเราเป็นกะเหรี่ยงงงงงงงงงงงง


ก่อนอื่นเราต้องขอโทษเพื่อนๆทุกคนก่อนนะที่เราไม่ได้บอกความจริงกับเพื่อนๆว่าเราเป็นกะเหรี่ยง เฮ้ย!ม่ายช่าย คือว่าเราได้ไปเที่ยวหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย ก็เลยมีโอกาสได้ใส่ห่วงคล้องคอเพื่อให้คอเรายาวขึ้นเหมือนกับชาวกะเหรี่ยงงัย เพราะชาวกะเหรี่ยงมีความเชื่อว่าผู้หญิงคนใดที่มีคอยาวที่สุดจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในหมู่บ้าน................ดูรูปเราสิ....................สวยอ่ะป่าว?

แอ่วเหนือเจ้า.........................


วันก่อนเรามีโอกาสได้ไปแอ่วเหนือมาขอบอกว่าอากาศดีมากและวิวก็สวยมากด้วย ทำให้เราไม่อยากจะเชื่อเลยว่าประเทศไทยของเรานี่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยจริงๆ ถือได้ว่าเป็นมนต์เสน่ห์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้มากทีเดียว เรามีรูปมาให้เพื่อนๆดูกันด้วยนะ..........สวยอ่ะป่าว?..............อ้อ! ลืมบอกไปเลยว่าTripครั้งนี้เราประทับใจในความสวยงามของดอกไม้ที่กฤษดาดอยมากๆ เราเคยไปที่นี่มา2ครั้งแล้ว แต่ความงามของดอกไม้และบรรยากาศดีๆยังคงเหมือนเดิม น่าประทับใจจริงๆ เพราะที่นี่เป็นเหมือนอุทยานในฝัน สวรรค์บนดอย จริงๆเลยจ้า.......หากเพื่อนๆคนไหนสนใจก็สอบถามข้อมูลจากเราได้นะ

ปล.ที่พักราคาไม่แพงค้าบบบบบบบบบบบ